สำหรับคนที่เกิดช้ากว่า พ.ศ.2529 เช่นกระผมเองนั้น จะต้องต่อไปขับขี่ขับรถยนต์ทุก 5 ปี จริง ๆ ก็ไม่ได้เบื่ออะไร หนุกดีเพราะทุกสิ่งมักจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก แล้วครั้งนี้ถือว่าเป็น 5 ปีใบที่ 3 แล้วสำหรับผมเอง เลยมีเรื่องมาเล่าว่ามันเป็นอย่างไร จะได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้มาฝากกัน
ไปตึกขนส่งสุดหรรษา
เนื่องจากวันนี้ผมต้องส่งรถไปทำเคลมแล้วจะเสร็จตอนบ่าย ดังนั้นถ้ารอรถเสร็จไม่ต้องทำอะไรกันพอดี เลยตัดสินใจนั่งรถไฟฟ้าไปลงที่สถานีหมอชิด ซึ่งวันนี้ฟ้าฝนลงโทษหรืออะไรกัน ฝนตกหนัก กระโดดขึ้นพี่วินแล้วไปอาคาร 3 เพื่อต่อแล้วได้รอบ 9 โมง ให้ตายสิพับผ่า แต่ถามว่าการดำเนินการเร็วไหม เร็วมาก เพราะคนมาเช้าที่มานั้น ขึ้นไปหมดแล้ว แล้วคนวันนี้ก็ไม่มากเท่าไหร่
พีคตรงตรวจร่างกาย
การตรวจร่างกายในการต่ออายุใบขับขี่เป็นด่านเดียวที่คุณต้องเจอ เพราะมันตัดสินได้เลยว่าต่อได้หรือไม่ โดยครั้งนี้เมื่อเทียบกับ 5 ปีที่แล้วมันแตกต่างกันตรงที่
- เจ้าหน้าที่ไม่ต้องจิ้มบอร์ดตาบอดสี แต่กดไฟแทน ซึ่งไฟจะออกแบบเหมือนไฟจราจร ตอบให้ถูกว่าสีอะไร ขอให้โชคดี เพราะสีนั้นสุ่มช่อง ตอบให้ทันด้วยนะ สำคัญมาก
- เครื่องกะระยะ อันนี้เหมือนเดิม ทำให้แท่งให้เท่ากัน ซึ่งครั้งนี้ผ่านง่ายมาก กดแป๊ปเดียว หรือเพราะเรามีทักษะอยู่แล้วมั้ง
- เครื่องวัดการตัดสินใจ อันนี้น่ากลัวตรงที่ถ้าเหม่อก็จบข่าว แต่ถ้าใจอยู่กับเครื่องกดยังไงก็ไม่ร้องหรอก
- สุดท้ายคือ เครื่องวัดสายตามุมกว้าง ผมเองใส่แว่นเสียเปรียบมาก สุดท้าย ถอดแว่นเลยผ่านแบบง่าย ๆ
ผ่านอันนี้ได้ก็รอดแล้ว ซะเมื่อไหร่ ขึ้นชั้น 4 นั่งอบรมต่อสิ
เข้าห้องอบรม
อันนี้แหล่ะที่ผมกังวลว่า พี่จะอบรมกี่ชั่วโมงกันแน่ เพราะมีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ว่า 5 ชั่วโมง ซึ่งทำให้หลายคนต้องลางานทั้งวัน แต่ในความเป็นจริง สำหรับคนต่อใบขับขี่ 5 ปีนั้นใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น แต่คราวนี้แปลกที่กินกาแฟกันหลับเฉยและดันได้ผลซะด้วย
เมื่อเวลาผ่านไปครบก็ออกมาและทำบัตรซื้อยาวนานพอ ๆ กับที่นั่งอบรมเลยก็ว่าได้ แต่ถือว่าเรียบร้อยและเร็วกว่าที่คาดเอาไว้มากพอสมควร ดังนั้น คนที่ต่อใบขับขี่ไม่ต้องกลัวอีกต่อไปว่าจะนานมากจนเรียกได้ว่ารอกันไม่ไหวและอาจจะลางานแค่ครึ่งวันแล้วแต่เวลาว่าจะเริ่มไปเช้าหรือคนเยอะแค่ไหนครับ
ใส่ความเห็น